เสียงเชียร์ เสียงตะโกนต่อรองราคาพนันดังอื้ออึง... ทุกสายตาของผู้คนที่รายล้อมรอบรั้วสังเวียน
ต่างจับจ้องไปยังการต่อสู้ตรงหน้าเป็นจุดเดียวกัน ภาพการต่อสู้ตัวต่อตัวที่ดุเดือด
ผลัดกันรุกผลัดกันรับภายใต้แสงแดดอันจ้าจัดร้อนแรง อาจจะเป็นภาพที่สร้างความสยดสยองให้กับใครหลายคนที่ไม่คุ้นชิน
แต่สำหรับคนในท้องถิ่นนี้ นี่คือความเร้าใจ ความสนุกสนานคือวิถีชีวิตของการต่อสู้
ที่ต้องใช้ทิ้งหัวใจนักสู้ สัญชาตญาณ พละกำลังชั้นเชิง และ "คมเขา"
เป็นอาวุธ ผู้คนที่รอบสังเวียนเลือด ล้วนตกอยู่ในอาการลุ้นระทึกตามสถานการณ์ของการต่อสู้ในสังเวียน
เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำหรือรุกไล่ ด้วยคู่ต่อสู้คือความหวังของผู้คนรอบสังเวียน
ความหวังนั้นคือชัยชนะอันเป็นที่มาของ "เงิน" มากน้อยตามที่ต่อรองพนันกันไว้
ในสังเวียนนักสู้ต่างทำหน้าที่ด้วยพละกำลัง ชั้นเชิงและอาวุธประจำกายอันแหลมคม
สร้างบาดแผลฉกาจกรรจ์ให้กันและกันจนเลือดอันเข้มข้นเลอะเปรอะไปทั่วหัวหู
ที่กำลังบดเบียดต่างงัดดันกันไปมาอย่างดุดันราวเมาเลือด เวลาผ่านไปนักสู้ในสังเวียนต่างออกอาการเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด
อาวุธประจำกายยังคงสอดคากดบดเบียดกัน จมูกทั้งสองฝ่ายเรี่ยดินฝุ่นฟุ้งกระจายตามจังหวะแรงหายใจอันเหนื่อยหอบ
แดดแผดเผา ความเจ็บปวดจากบาดแผล เสียงโห่ร้องเร่งเร้าของผู้คนรอบสังเวียน
คือภาวะความกดตันสุดขีด
"ไอ้ดำโพธิ์ขาว" กระตุกหัวเยือก เสือกคมเขาเข้าปักลำคอด้านข้างของคุ่ต่อสู้แล้วเบี่ยงงัดดันขึ้นโดยแรง
จนขาคู่หน้าของคู่ต่อสู้ลอยพ้นพื้นดิน คมเขายังคงปักคาลำคอคู่ต่อสู้
ผู้ได้เปรียบโถมทุ่มพละกำลังดันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนคู่ต่อสู้ถอยกรูดไปปะทะกับรั้ว
โครม! ผู้คนที่ยืนอยู่ชิดติดรั้วสังเวียนผงะห่างกระเจิงออกไปทั้งกลุ่ม
พร้อมเสียงฮือลั่น การต่อสู้ยุติ ผู้แพ้วิ่งหนีราวขวัญเสียไปตามแนวโค้งรั้วสังเวียน
เจ็บปวดและเหนื่อยอ่อน เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกหน ผู้ชนะเชิดหน้าเยื้องย่างอย่างองอาจ
ราวไร้ความเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อย สมศักดิ์ศรี "จ้าวสังเวียน"
ผู้ได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ที่ยุติธรรม ย่อมมีความองอาจและสง่างามเสมอไม่ว่า
"คน" หรือ "สัตว์" เสียงตะโพนดังขึ้นเป็นอาณัติสัญญาณประกาศชัยชนะของ
ไอ้ดำโพธิ์ขาว วัวของ นายพล บ้านคลองแดน "วันชน" คู่เอกเดิมพัน
700,000 บาท เมื่อดวงตะวันมุดเมฆแสงร้อน ราวเหนื่อยล้าอ่อนโยน วันเวลาผ่านไป
บาดแผลจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดหายสนิทด้วยสมุนโพรพื้นบ้านที่ "ไพ"
และ "แดง" สองผัวเมียเสาะหามารักษาพยาบาลหลังจากต่อสู้ทุก
ๆ ครั้ง คนทั้งคู่คอยป้อนหญ้าป้อนน้ำ ดูแลเลี้ยงด้วยรักและผูกพันกัน
นับตั้งแต่วันที่ได้ "วัวชน" ตัวนี้มา วันที่ลพผู้เป็นพี่ชายปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างเด็ดขาด
"ไอ้ไพ อีแดง พวกมึงมันโง่ ที่คิดจะไปซื้อวัวชนมาเลี้ยง"
คือคำกราดเกรี้ยวของพี่ชายในวันนั้น "กูชอบเล่นพนันวัวชนโว้ย...ไม่ชอบเลี้ยงวัวชน...มึงโง่อยากเลี้ยงวัวก็ไปขโมยวัวเขามาเลี้ยง
เอาเองซิวะ กูไม่ซื้อ กูจะเอาเงินไปเล่นวันชน" คือคำพูดของพี่ชาย
ผู้หลงใหลการเล่นพนันวัวชนเท่า ๆ กับที่เกลียดการเลี้ยงวัวชน แต่ไพกับแดงก็ดิ้นรนหยิบยืมเงินรวบรวมไปซื้อ
"วัวชน" ตัวนี้มาเลี้ยงจนได้ ด้วยความเชื่อมั่นสายตาตัวเองของไพในการ
"ดูวัว" เพราะเขามีประสบการณ์รับจ้างเลี้ยงวัวชนหารายได้เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนมีเมีย
เพิงพักเลี้ยงวัวชนของสองผัวเมียต้องมาปักหลักอยู่ชายทุ่ง เพื่อพอจะได้พ้นหูพ้นตาพี่ชาย
แต่ก็ยังไม่วายถูกพี่ชายด่า ดีที่ "เนียน" ผู้เป็นพี่สะใภ้เข้าใจและเห็นใจ
"พี่ลพนี่ก็แปลก ชอบเล่นพนันวัวชนจนเป็นหนี้เขาไปทั่ว ให้เลิกเล่นก็ไม่เลิก
แต่เกลียดคนเลี้ยงวัวชน" เนียนต่อว่าสามี ด้วยเห็นใจคนเลี้ยงวัวชน
หญ้าดี น้ำดี ทั้งพาวัวออกกำลังตามวิธีการเลี้ยงที่สองผัวเมียมีประสบการณ์มานาน
จับคู่วัวหัดชั้นเชิงชนไม่เว้นว่างละเลย ไม่นานนักวัวก็สมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่
กล้ามเนื้อคอแข็งแรง พร้อมที่จะ "ชน" ทั้งเชิงรุกและรับตามสัญชาตญาณแห่งเผ่าพันธุ์
ขนดำเป็นมันระยับทั่วตัว แต่กลับมีขนสีขาวรูปใบโพธิ์ที่หน้าผาก ยังพวงขนปลายหางที่บ่งบอกคุณลักษณะของวัวชนที่ดีต้องตามตำรา"วัุวตัวนี้ดูงาม
ดูสมบูรณ์แข็งแรงดีนะน้องไพ" พี่สะใภัเอ่ยปากชมเสมอ ขณะตามมาดูแลลูกชายวัยใกล้สี่ขวบที่มาวิ่งเล่นอยู่บริเวณเพิงพักเลี้ยงวัวชนชายทุ่ง
"วัวของผมครับ" เด็กน้อยบอกกับทุกคนที่แวะเวียนมาดูวัวชนหางขาวตัวนี้
ในที่สุดก็ถึงวันเข้าสู่สังเวียนเลือดครั้งแรกของวัวชนนาม "ไอ้หางขาว"
ของนายไพ บ้านคลองแดน ด้วยเงินเดิมพัน 10,000 บาท ที่สองผัวเมียชักชวนคะยั้นคะยอให้คนที่รู้จักมักคุ้นกันมาร่วมลงขัน
มันเป็นการประเดิมสังเวียนของ "วัวใหม่" ที่หาญกล้าประคมเขาและชั้นเชิงกับวัวชนอย่าง
"ไอ้ลางสาด" วัวดังจากพัทลุง การต่อสู้จึงเริ่มต้นด้วย "วัวใหม่"
เป็นรองแบบไร้ราคาในสายตาเซียนพนัน แต่เพียงเวลาผ่านไปไม่นานราคาต่อรองก็เริ่มพลิกผันไปตามลีลาชั้นเชิงของวัวใหม่
ที่ "ไอ้ลางสาด" เกิดต้านในทุกกระบวนท่า แล้วการต่อสู้ก็จบลงด้วยการที่เซียนวัวชนะกระเป๋าฉีกไปตาย
ๆ กัน และในจำนวนนั้นย่อมมีลพรวมอยู่ด้วย วัวใหม่อย่าง "ไอ้หางขาว"
เดินออกจากสังเวียนเลือดอย่างองอาจสง่่างามโดยมีไพเป็นผู้ถือหัวเชือกในฐานะเจ้าของ
ราวกับจะประกาศให้ผู้คนที่คลาค่ำรายรอบดูการต่อสู้ที่บ่อนวัวชนสี่แยกคูหา
อ.รัตภูมิ ในวันนั้น รับรู้ถึงชัยชนะเต็มไปด้วยชั้นเชิงลีลาคมเขา พละกำลังและหัวใจนักสู้
บัดนี้ทั้ง "วันชน" และ "คนเลี้ยง" พร้อมแล้วในทุกสังเวียนการต่อสู้
ผ้าขาวม้าผืนใหญ่เอี่ยมสำหรับพันผูกคอ หญ้าเขียวอันอ่อนนุ่มที่ป้อนปาก
และความผูกพันที่ทวีคูณ คือรางวัลที่สองผัวเมียมอบให้ผู้ชนะที่เป็น
"สัตว์" จากหัวใจ "คน" เย็นนั้นตะวันคล้อยดวง
อีกไม่นานคงตกถึงตีนฟ้า แต่ฟากฟ้ายังเปล่งปลั่ง ฉายฉานเรื่องรองราวอรุณรุ่ง
ดั่งดวงตะวันสาดแสงทองมาร่วมยินดีต่อชัยชนะแรกอันเป็นมงคลฤกษ์ของยอดนักสู้
ที่เพิงพักเลี้ยงวัวปลายทุ่ง เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ วัวชนด้วยความดีใจ
เมื่อผู้เป็นอาบอกว่า "วัวของหลาน" คือผู้ชนะ แดงกำลังเล่่าให้เนียนและอีกหลาย
ๆ คนฟังถึงเหตุการณ์ "ชน" ที่ผ่านมาพร้อมออกท่าทางอย่างสนุกสนาน
ในขณะที่ไพกำลังอาบน้ำเช็ดถูให้วัว คราบเลือดเกรอะกรรังหมดไป แต่ร่องรอยบาดแผลกลับยิ่งชัดเจน
ไม่นานหรอกบาดแผลเหล่านี้จะหายด้วยยาสมุนไพรที่ "คนเลี้ยง"
ทั้งสองเพียรเสาะหามารักษาพยาบาลด้วยเอื้ออาทร "ไอ้ไพ..กูขอซื้อวัวตัวนี้ไว้เอง"
คือคำพูดประโยชน์แรกของผู้เป็นพี่ชายเมื่อมาถึงที่เลี้ยงวัวชายทุ่ง
"นี่...ห้าพันค่าวัว...แล้วมึงย้ายคอกเอาไปเลี้ยงไว้ข้างบ้าน"
ลพพูดพร้อมยื่นเงินให้ไพ "ไม่ต้องให้เงินผมหรอกพี่ ผมกับแดงตั้งใจเลี้ยงไว้ให้หลายอยู่แล้ว"
ไพบอกพี่ชายร่วมสายเลือดโดยไม่ต้องคิด ด้วยคือความตั้งใจตั้งแต่แรก
"ไอ้วัวตัวนี้มันชนดี กูต้องรวยเพราะมัน แต่ถ้ามันชนแพ้ กูฆ่ามันทิ้งแน่"
ผู้พี่ชายพูดอย่างจริงจัง "พี่ลพทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ คนอะไรคิดแต่จะเล่นพนันอย่างเดียว"
เนียนพูดอย่างเคืองคำพูดของผัว ก่อนจะหันไปจูงมือลูกชายเดินนำหน้ากลับบ้าน
ความมืดเดินทางมาถึงทั่วฟ้า ราวกับกำลังจะนำพาเอาภาระของชีวิตอันหนักอึ้งมาสู่ทั้ง
"วัวชน" และ "คนเลี้ยง" เบื้องล่าง ด้วยความรับผิดชอบต่อ
"ผล" ของการชนทุกครั้งในวันหน้า ในฐานะที่ "ไอ้ดำโพธิ์ขาว"
กลายเป็นวัวของ "นายลพ บ้านคลองแดน" ไปเสียแล้ว "เป็นเจ้าของวัวแพ้
จะเป็นทำไมวะ กูพูดจริง ๆ มันแพ้กูฆ่าทิ้งแน่" เสียงตอกย้ำให้
"วัวชน" และ "คนเลี้ยง" รู้ชะตาอนาคต ก่อนที่คนพูดจะเดินหายไปในความมืด
ราวปีศาจกลับคืนนรก! หลังจากวันนั้น "ไอ้ดำโพธิ์ขาว" แบกภาระอันหนักหนาสาหัสไว้บนชีวิต
มันต้องเดินเข้าสู่สังเวียนเลือดพร้อมกับจำนวนเงินเดิมพันที่สูงขึ้นเรื่อย
ๆ ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ ทุกครั้งคือชัยชนะ ชัยชนะที่สามารถปลดเปลื้องหนี้สินให้ผู้เป็นเจ้าของจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว
ร่องรอยบาดแผลที่เพิ่มขึ้นจากการต่อสู้ทุกครั้ง ราวกับจะเพิ่มบรรทัดแห่งบนบันทึกประวัติอันโชกโชนและตรากตรำแห่งการต่อสู้
ทว่าในความคิดทุกลมหายใจเข้าออกของผู้เป็น "เจ้าของ" กลับมีแต่ตัวเลขจำนวนเงินเดิมพันที่จะต้องสูงขึ้นไปอีก
ซึ่งเขาจะได้มาก็ด้วยชัยชนะของไอ้ดำโพธิ์ขาวเท่านั้น มันจะต้องชนะอีกครั้ง
อีกครั้ง และอีกครั้ง บัดนี้อุปสรรคที่ขวางหนทางกอบโกยเงินทองตามความคิดของเจ้าของมีอยู่อย่างเดียว
คือไอ้ดำโพธิ์ขาวถูกจัดเป็นวัวชนระดับ "จ้้าวสังเวียน" หรือ
"สุดยอดวัวชน" ไปเสียแล้ว ไม่มีวันชนของใครหาญกล้าเดินเข้าสังเวียนเพื่อประคมเขาอีก
นับแต่ชัยชนะครั้งล่าสุดด้วยเงินเดิมพัน 700,000 บาท ที่บ่อนวัวชน
จง นครศรีธรรมราช เมื่อหาคู่ชนไม่ได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ "จ้าวสังเวียน"
ว่างเว้นการเข้าสู่สังเวียนเลือดนานที่สุด..เป็น "ช่วงโชค"
ที่ได้พักฟื้นร่างกายที่เต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลจากการต่อสู้ และเป็นช่วงเวลาที่คนเลี้ยงวัวชนมีความสุข
เมื่อได้เห็นวัวที่เลี้ยงมาอย่าง "เพื่อน" มากกว่าเครื่องมือหากิน
ได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องเจ็บปวดจากคมเขาคู่ต่อสู้ที่ทิ่มแทง ได้กินหญ้ากินน้ำอุดมสมบูรณ์อิ่มหนำ
ภาำพเด็กวัยเริ่มโตเดินถือหัวเชือกจูงวัวชนจากเพิงพักใกล้บ้าน โดยมีคนเลี้ยงวัวเดินตาม
พากันไปเดินเล่นชายทุ่งในยามที่แสงแดดอ่อนโยน สายลมพัดรินเอื่อย นกผกโผบินเกลื่อนท้องฟ้ากว้างที่ฉาบฉายไว้ด้วยแสงแสดส้มอมเทา
จึงเป็นภาพแห่งความสุขอันพิสุทธิ์ เพราะดูเหมือนทุกชีวิตในภาพนั้นเทียมเสมอกันไม่ว่า
"คน" หรือ "สัตว์" "พี่ลพ เนียนว่าพี่น่าจะให้มันเลิกชนได้แล้วนะ"
เนียนปรารภา "มันชนมามากแล้วนะพี่ลพ..ผมว่มันควรจะพอแล้ว"
ไพพูดอย่างเห็นฟ้องกับพี่สะใภ้ "ก็เพราะมันไม่แพ้ใครนี่ล่ะ กูถึงหาคู่ชนให้มันไม่ได้
ทำให้กูไม่ได้เงินไปด้วย" เจ้าของวัวพูดอย่างมีอารมณ์ "มันจะต้องชนอีก
แต่คราวนี้มันต้องเป็นฝ่ายแพ้" คำพูดของลพทำให้เนียนกับไพนิ่งงัน
ต่างคิดค้นหาความหมายของคำพูดนั้นอย่างวิตกกังวลค้างคาใจ
ที่เพิงพักชั่วคราวในบริเวณบ่อนวัวชน จ.ตรัง ไพนำวัวมาถึงที่นี่ก่อนถึงวันชน
5 วัน เพื่อให้วัว "ชินสนาม" เขาดูและควบคุมวัวอย่างรอบคอบรัดกุม
เข้มงวดกับผู้คนที่แวะเวียนมาดูัวัว มิให้ล่วงล้ำเข้ามาในแนวเชือกบอกปริมณฑล
ป้องกันวิวมิให้ "ถูกกระทำ" ด้วยการวางยาหรือคุณไสยอัปรีย์นานา
ด้วยการชนระหว่างจ้าวสังเวียนกับวัวหนุ่มดาวรุ่งเจ้าถิ่นซึ่ีงไม่เคยแพ้ใครครั้งนี้
เป็นการชนครั้งสำคัญอันมีเงินเดิมพันถึง 1,500,000 บาท ลพเดินทางตามมาที่หลังพร้อมด้วยเิงินเดิมพันครบตามจำนวน
อันล้วนเป็นเงินของบรรดาเซียนพนันที่เชื่อมั่นใน "คมเขา"
ของจ้าวสังเวียนอย่างไอ้ดำโพธิ์ขาวทั้งสิ้น "ไอ้ไพ กูจะซื้อวัวใหม่ให้มึงเลี้ยง
วัวจ่ารอง มึงรีบกลับไปสงขลา ดูว่าจะซื้อได้มั้ย" "แต่พรุ่งนี้วัวจะชนแล้วนะพี่
ผมห่วงมัน" ไพพูดอย่างไม่เข้าใจ "วัวคู่เอกชนเที่ยง มึงรีบกลับไปเย็นนี้ยังกลับมาทัน
กูนัดกับจ่ารองไว้แล้ว" คือคำสั่งที่ไพไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งที่ห่วงวัวสุดใจ
ยิ่งเห็นหน้าคนไม่คุ้นเคยที่ลพพาเข้ามาในปริมณฑลหวงห้าม ไพยิ่งกังวลใจ
แดดจัดจ้าอ้าวระอุ ได้เวลาชนของวัวคู่เอกเดินพัน 1,500,000 บาท ไพกลับมาจากสงขลาอย่างร้อนรนพร้อมกับ
"ลุงทอง" คนวางวัวเมื่อครั้งแรกชนของไอ้ดำโพธิ์ขาว ไพมาถึงก่อนที่ประตูสังเวียนจะปิด
ได้เวลาวางวัวพอดี ไพและลุงทองรีบปราดเข้าไปจับเชือกวางวัวที่คนแปลกหน้าสองคนถืออยู่ซ้ายขวา
"พี่ลพ ผมกับลุงทองวางวัวเอง ห้ามคนอื่นยุ่ง" ไพพูดเสียงเข้ม
แววตาดุดัน ไพกับลุงทองขยับขมวดหัวเชือกวัวชนมั่นมือ จูงไอ้ดำโพธิ์ขาวสู่กลางสังเวียน
ขณะที่คู่ต่อสู้ถูกจูงมากลางสังเวียนเช่นกัน ลุงทองบริกรรมคาถาเกราะเพชรคุ้มครองวัว
ทั้งคู่ถึงกลางสังเวียน วัวใกล้ประปลายเขา คนวางวัวทั้งสองฝ่ายดึงเชือกออก
วัวเริ่มประคมเขา ก่อนจะผละออกมา ไพเหลือบเห็น "เพื่อน"
น้ำตาไหล "ไอ้ไพ วัวมึงถูกคนทำเสียแล้ว" ลุงทองกระซิบบอกไพ
การต่อสู้ในสังเวียนเริ่มขึ้น ยากจะเชื่อว่าเป็นการชนของไอ้ดำโพธิ์ขาวเพราะมันยั้งคมเขาไม่งัดดันทิ่มแทงเหมือนราวเจ็บเขาทั้งซ้ายขวา
เช่นเดียวกับยามถูกวัวหนุ่มรุกบุกดัน มันกลับถอยร่นโขยกเขย่งขาหลังราวตีนเจ็บปวด
เวลาผ่านไปในสภาพไร้ทางสู้ จ้าวสังเวียนยังไม่ยอมถอดใจแพ้ เสียงคนรอบสังเวียนโห่เร่งเร้า
ราคาต่อรองหลุดลุ่ยเมื่อไอ้ดำโพธิ์ขาวถูกวัวหนุ่มดันมาจนติดรั้วสังเวียน
เลือดเปรอะขี้ไหลส่งเสียงร้องราวเจ็บปวดสุดทน ไพหดหู่หัวใจด้วยสงสาร
นึกอยากโยนเชือกยอมแพ้แทนวัว ราวรับรู้ความรู้สึกของคนเลี้ยง ในพริบตาจ้าวสังเวียนกลับเบี่ยงหัวต่ำลงจนปลายเขาติดใต้คางวัวหนุ่ม
แล้วงัดขึ้นอย่างแรงจนวัวหนุ่มหน้าหันเสียหลัก จังหวะนั้นเองจ้าวสังเวียนถลันถาโถมรุกเข้าปักคมเขากลางลำตัววัวหนุ่มราวโกรธแค้นสุดขีด
วัวหนุ่มเผ่นพรวดสุดตัววิ่งหนีคมเขาของเจ้าสังเวียนกระเจิง เสียงโห่ร้องกึกก้องสังเวียนเลือด
ไพน้ำตาไหลพรากอย่างตื้นตันเต็มอก ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของ "ไอ้ดำโพธิ์ขาว"
อีกครั้ง ที่เพิงพักชั่วคราว ล่วงเข้าเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว อากาศยังอบอ้าวรุ่มร้อน
ดวงไฟต่ำแรงเทียนส่องแสงมัวหม่น ส่องไปถึงจ้าวสังเวียนที่นอนสงบนิ่งอยู่ในเพิงพักเพียงรางเลือน
ไพม้วนขดเชือกล่ามวัวไปจนสุดปลายอันตรึงติดกับ "เหล็กหลักวัว"
ที่ปักจมดินไว้ เขาออกแรงดึงเหล็กปลายแหลมขึ้นมาสอดเข้าม้วนเชือก แล้วนำไปวางกองไว้โคนเสาเพิงพัก
เพื่อเตรียมพร้อมกลับบ้านเมื่อเวลาเข้ามาถึง ปลายเหล็กแหลมต้องแสงไฟวับวาวบาดตา
ไพเอ่ยชวนลุงทองที่นั่งซดเหล้าอยู่บนแคร่ ให้ไปอาบน้ำไล่ร้อนที่บ่อหลังเพิงพักด้วยกัน
แล้วค่อยกลับมากินเหล้ากันต่อ คนทั้งคู่หายลับไปในความมืดหลังเพิงพัก
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง.... จู่ ๆ เสียงปืนก็สะท้านก้องไปทั่วบริเวณ ไพกับลุงทองถลันเข้ามาถึงเมื่อสิ้นเสียปืนแล้ว
เขาเห็นลพยืนถือปืนโดยยันเท้าเหยียบอยู่บนคอไอ้ดำโพธิ์ขาวที่นอนเลือดลิ่มทะลักไหล
"กูตอกตีนมึง กูตอกเขามึงทั้งสองข้าง มึงยังไม่ยอมแพ้ มึงต้องตาย"
ลพตะโกนเหมือนคนบ้าคลั่ง ขณะที่ไพกับลุงทองตกตะลึงจังงังต่อเหตุการณ์ราวถูกสะกด
ลพหันไปก้มลงหยิบ "เหล็กหลักวัว" ที่ติดเส้นเชือก แล้วลากมาจ้วงแทงท้องวัวสุดแรง
เลือดสด ๆ พุ่งกระฉูดตามเหล็กหลักวัวเมื่อลพชักมันออก ปลายโลหะแหลมคมอาบชุ่มด้วยเลือด
ลพเหวี่ยงมันมิ้งไปข้างหลังอย่างไม่ใยดี "พี่ลพ" ไพร้อง
ถลันเข้าผลักจนลพเซไปชนเสาเพิงพัก "วัวไม่แพ้พี่ฆ่ามันทำไม"
"มันไม่แพ้ แต่กูแพ้ กูถือเดิมพันทางโน้นล้านหน้ามึงรู้มั้ย กูหมดตัวเพราะมัน
มันต้องตาย" ลพตะโกนลั่น แล้วหุนหันกลับหลังเดินออกจากเพิงพักวัว
ราวกรรมเวรกระชาก ความรีบร้อนทำให้เท้าของลพสะดุดเชือกวัวบนพื้นอย่างแรง
ลพล้มคะมำ ร่างพุ่งเข้าหาเหล็กหลักวัวที่ถูกเหวี่ยงทิ้งมาตั้งรออย่างเหมาะเหม็ง
เสียงปลายเหล็กแหลม เสียบแทงผ่านเนื้อมนุษย์อย่างน่ากลัว ผ่านลำคอจนโลหะโผล่พ้นออกมาด้านหลัง
ปลายเหล็กแหลมต้องแสงไฟวับวาวอีกครั้ง ก่อนเลือดคนจะทะลักล้นตามปลายเหล็กขึ้นมาจนแดงฉานน่่าสยดสยอง
ไพตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในที่เดียวกัน
ทั้งความตายของผู้ชนะที่เป็น "สัตว์" และผู้แพ้ที่เป็น "คน"
"กรรมของมึง มันตามสนองมึงเร็วเหลือเกินไอ้ลพ" เสียงลุงทองพร่าแผ่วราวพ้นผ่านลำคออย่างยากเย็น
iFandKo
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547